Dyeing of Nano Carbon and Titanium Dioxide Coated Monk Robes Using Natural Dye Powder ; ผ้าจีวรเคลือบด้วยนาโนคาร์บอนและไทเทเนียมไดออกไซด์ย้อมด้วยผงสีย้อมธรรมชาติ

This research intends to developed nano carbon and titanium dioxide coated monk robes dyeing with natural dye powder. The physical property of cotton, silk and muslin fabrics coated with nano carbon and titanium dioxide were investigated. The antifungal, antibacterial and UV protection properties were also characterized. Cotton, silk and muslin fabrics coated with nano carbon and titanium dioxide could inhibited both gram-positive and gram-negative bacteria. Light fastness properties of cotton, silk and muslin fabrics without coated and coated with nano carbon and titanium dioxide dyed with Allium ascalonicum Linn. and Gareinia dulcis Kurz average level were 3–4 (moderate to good) and washing fastness properties average were 4–5 (good to very good). The ability to prevent UVA and UVB rays of cotton, silk and muslin fabrics coated with nano carbon and titanium dioxide with ratios 0.01 : 0.49 (g) reflected the UPF value of UV protection was more than 50, with the maximum UV protection (over 98 percent) and had percent transmittance of an ultraviolet B rays of ≤2.5. ; งานวิจัยนี้พัฒนาผ้าจีวรเคลือบด้วยนาโนคาร์บอนและไทเทเนียมไดออกไซด์ย้อมด้วยผงสีย้อมธรรมชาติ โดยศึกษาสมบัติทางกายภาพของผ้าฝ้าย ผ้าไหมและผ้ามัสลินที่เคลือบด้วยนาโนคาร์บอนและไทเทเนียมไดออกไซด์และศีกษาสมบัติการต้านเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และการต้านรังสียูวี พบว่า ผ้าฝ้าย ผ้าไหมและผ้ามัสลินเคลือบด้วยนาโนคาร์บอนและไททาเนียมไดออกไซด์ สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้ทั้งชนิดแกรมบวก และแกรมลบ ความคงทนของสีต่อแสงของผ้าฝ้าย ผ้าไหมและผ้ามัสลินที่ไม่เคลือบและเคลือบด้วยนาโนคาร์บอนและไทเทเนียมไดออกไซด์ย้อมสีจากเปลือกหอมและเปลือกมะพูดเติมสารช่วยติดสีอัตราส่วนต่างๆ พบว่า มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับ 3–4 (ปานกลาง-ดี) และความคงทนของสีต่อการซักล้างเฉลี่ยอยู่ในระดับ 4–5 (ดี–ดีมาก) ความสามารถในการป้องกันรังสี UVA และ UVB ของผ้าฝ้าย ผ้าไหมและผ้ามัสลินที่เคลือบด้วยนาโนคาร์บอนและไททาเนียมไดออกไซด์อัตราส่วน 0.01 : 0.49 มีค่า UPF ในการป้องกันรังสียูวีมากกว่า 50 คือ มีความสามารถในการป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตได้สูงสุด (มากกว่า 98 เปอร์เซ็นต์) และมีเปอร์เซ็นต์การส่องผ่านของรังสีอัลตราไวโอเลตบี ≤2.5